ไม่รู้จะตั้งไว้ห้องไหนดี
เลยตั้งไว้ที่ศาสนาเพราะอาจเป็นเรื่องบุญบาป
และตั้งไว้ที่ห้องก้นครัว เพราะน่าจะมีคนอาชีพเดียวกับเรา
เรื่องมีอยู่ว่า....ตอนนี้ทำธุรกิจด้านอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน
คือรับตามออเดอร์ที่มีเข้ามา จะยุ่งเป็นช่วงๆ
รายได้ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร
เพราะอยู่กับที่บ้านดูแลพ่อกับแม่ด้วย
คือยังโสดอยู่น่ะค่ะ
มีพี่หลายคน แต่ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว
หรือมีธุระตลอด เราเลยเป็นคนที่ต้องพาพ่อไปหาหมอ
พี่ให้เหตุผลว่าเราเข้ากับพ่อได้มากที่สุด
ขับรถไม่เป็นก็นั่งแท็กซี่เอา หรือบางทีพี่อีกคนจะไปส่งให้
เราก็โอเคนะ แต่เราจะติดตรงที่เวลาเรามีงานเข้ามา จะไม่ว่างพาพ่อไป
และดูเหมือนว่าพ่อจะไม่อยากให้คนอื่นพาไปนอกจากเรา
เคยคุยกันนะว่าครั้งนี้ๆ ให้พี่พาไปแทนนะ เพราะต้องทำขนม แต่พ่อกลับบอกว่าทำขนมเมื่อไหร่ก็ทำได้
เพราะพี่ที่เป็นหมอบางทีก็บอกว่าติดเรียน ติดงาน ไม่ว่าง
พี่ที่เป็นเจ้าของร้าน พ่อก็เกรงใจว่าไม่ว่างหรอก
สรุปเราก็เป็นเหมือนคนที่ว่างงานที่สุด
และที่ทำให้คิดหนักคือพ่อบอกว่าแค่พาไปไม่กี่ครั้ง เป็นหน้าที่นี่นา และจะได้คุยกับหมอรู้เรื่อง
ยอมรับว่ารู้สึกท้อนะ เพราะผลัดลูกค้าไปหลายทีจนเค้าก็ไม่อยากสั่งทำขนมแล้วมั้ง
จะไม่พาพ่อไปก็ดูอกตัญญูและรู้สึกเป็นห่วงเวลาพ่อแอบพี่ไปเอง
และเราคิดว่าถ้ากลับไปทำงานประจำหรือเปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราวล่ะ จะทำยังไงดี
หรือเราต้องทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เรารู้นะว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก แต่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าควรจะเลือกทำสิ่งใดก่อนดี
แม่ก็เข้าใจนะ แต่ก็พูดได้แค่ มันเป็นกรรมพวกเอ็งที่เป็นหน้าที่ลูกๆ ที่ต้องดูแลพ่อเอ็งแล้วล่ะ
(แม่ไม่ถูกกับพ่อ) ก็ได้แต่สงสัยว่าพี่ๆ ที่ออกแค่เงิน พ่อกลับชื่นชมนักหนา
ว่าเก่ง เงินเดือนสูง แต่อายเวลาใครถามถึงงานเรา
เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้บ้างมั้ยคะ
แล้วทำยังไงกันคะ เตือนสติเราหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาปัญหาว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้ได้ทดแทนบุญคุณพร้อมกับสร้างรายได้ให้กับตัวเองในเวลาเดียวกัน
เลยตั้งไว้ที่ศาสนาเพราะอาจเป็นเรื่องบุญบาป
และตั้งไว้ที่ห้องก้นครัว เพราะน่าจะมีคนอาชีพเดียวกับเรา
เรื่องมีอยู่ว่า....ตอนนี้ทำธุรกิจด้านอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน
คือรับตามออเดอร์ที่มีเข้ามา จะยุ่งเป็นช่วงๆ
รายได้ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร
เพราะอยู่กับที่บ้านดูแลพ่อกับแม่ด้วย
คือยังโสดอยู่น่ะค่ะ
มีพี่หลายคน แต่ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัว
หรือมีธุระตลอด เราเลยเป็นคนที่ต้องพาพ่อไปหาหมอ
พี่ให้เหตุผลว่าเราเข้ากับพ่อได้มากที่สุด
ขับรถไม่เป็นก็นั่งแท็กซี่เอา หรือบางทีพี่อีกคนจะไปส่งให้
เราก็โอเคนะ แต่เราจะติดตรงที่เวลาเรามีงานเข้ามา จะไม่ว่างพาพ่อไป
และดูเหมือนว่าพ่อจะไม่อยากให้คนอื่นพาไปนอกจากเรา
เคยคุยกันนะว่าครั้งนี้ๆ ให้พี่พาไปแทนนะ เพราะต้องทำขนม แต่พ่อกลับบอกว่าทำขนมเมื่อไหร่ก็ทำได้
เพราะพี่ที่เป็นหมอบางทีก็บอกว่าติดเรียน ติดงาน ไม่ว่าง
พี่ที่เป็นเจ้าของร้าน พ่อก็เกรงใจว่าไม่ว่างหรอก
สรุปเราก็เป็นเหมือนคนที่ว่างงานที่สุด
และที่ทำให้คิดหนักคือพ่อบอกว่าแค่พาไปไม่กี่ครั้ง เป็นหน้าที่นี่นา และจะได้คุยกับหมอรู้เรื่อง
ยอมรับว่ารู้สึกท้อนะ เพราะผลัดลูกค้าไปหลายทีจนเค้าก็ไม่อยากสั่งทำขนมแล้วมั้ง
จะไม่พาพ่อไปก็ดูอกตัญญูและรู้สึกเป็นห่วงเวลาพ่อแอบพี่ไปเอง
และเราคิดว่าถ้ากลับไปทำงานประจำหรือเปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราวล่ะ จะทำยังไงดี
หรือเราต้องทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เรารู้นะว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก แต่บางครั้งก็ไม่รู้ว่าควรจะเลือกทำสิ่งใดก่อนดี
แม่ก็เข้าใจนะ แต่ก็พูดได้แค่ มันเป็นกรรมพวกเอ็งที่เป็นหน้าที่ลูกๆ ที่ต้องดูแลพ่อเอ็งแล้วล่ะ
(แม่ไม่ถูกกับพ่อ) ก็ได้แต่สงสัยว่าพี่ๆ ที่ออกแค่เงิน พ่อกลับชื่นชมนักหนา
ว่าเก่ง เงินเดือนสูง แต่อายเวลาใครถามถึงงานเรา
เพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้บ้างมั้ยคะ
แล้วทำยังไงกันคะ เตือนสติเราหน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ